การทดสอบทองคำเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และคุณภาพของทอง ซึ่งวิธีการทดสอบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามกาลเวลา ดังนี้
วิธีการทดสอบทองในอดีต
การกัดทอง (Fire Assay): วิธีนี้เป็นวิธีการทดสอบโดยการนำตัวอย่างทองมาหลอมละลายในเตาเผาที่อุณหภูมิสูงร่วมกับสารเคมี เช่น ตะกั่วหรือเงิน ตัวอย่างที่หลอมละลายจะถูกทำให้เย็นลงและแยกส่วนต่าง ๆ ออกมา จากนั้นจึงทำการวัดปริมาณทองที่ได้
การใช้หินทดลอง (Touchstone): ใช้หินที่มีพื้นผิวหยาบ ๆ เช่น หิน Basalt หรือหิน Silicified Slate นำทองมาขูดบนหิน จากนั้นนำสารละลายกรดไนตริก (Aqua Fortis) มาใช้ทดสอบว่าทองมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ทองคำแท้จะไม่ถูกกัดกร่อนด้วยกรดไนตริกแต่ทองคำที่มีสิ่งปลอมปนจะมีปฏิกิริยากับกรด
วิธีการทดสอบทองในปัจจุบัน
การใช้สารเคมี (Acid Test): การใช้ชุดทดสอบที่มีสารละลายกรดไนตริกและกรดไฮโดรคลอริกในสัดส่วนต่าง ๆ โดยนำทองมาขูดบนหินทดลองและหยดสารละลายกรดลงไป หากทองไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแสดงว่าเป็นทองคำบริสุทธิ์ หากมีการเปลี่ยนแปลงแสดงว่ามีส่วนผสมของโลหะอื่น ๆ
การใช้แม่เหล็กตรวจจับ (Magnetic Test): การใช้แม่เหล็กเป็นวิธีดูทองแท้อีกขั้นตอนหนึ่ง ทองคำแท้นั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่แม่เหล็กไม่สามารถดูดได้ ไม่เพียงแต่ดูดไม่ติดแต่ทองจะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับแม่เหล็กเลย และหากทองมีการขยับแสดงว่าทองเหล่านั้นมีโลหะผสมอื่น ๆ ปะปนอยู่
การทดสอบด้วยเครื่อง X-Ray Fluorescence (XRF): วิธีนี้เป็นวิธีที่ทันสมัยและรวดเร็วที่สุด โดยใช้การวิเคราะห์ด้วย XRF หรือที่เรียกว่าฟลูออเรสเซนซ์รังสีเอ็กซ์ที่สะท้อนกลับมาซึ่งมีลักษณะเฉพาะ เพื่อวัดองค์ประกอบของธาตุชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวอย่างทอง ซึ่งเครื่องมือ XRF จะประมวลผลในรูปแบบกราฟหรือรายงานที่สามารถอ่านค่าได้ วิธีนี้ให้ผลลัพธ์อย่างแม่นยำ ทำให้ไม่ทำลายตัวอย่างชิ้นงาน และปลอดภัยต่อผู้ใช้
คุณสมบัติที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องทดสอบทองคำ
ความต้องการ (Demand): พิจารณาถึงปริมาณการใช้งานที่ต้องการ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ และเศษทองเพื่อการซื้อขาย การตรวจสอบคุณภาพในโรงงาน หรือการวิจัย และตั้งงบประมาณในการเลือกเครื่องทดสอบทองคำอย่างเหมาะสม
ความแม่นยำ (Accuracy): ควรเลือกเครื่องที่มีความแม่นยำสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ และตรวจสอบค่าความคลาดเคลื่อนที่สามารถยอมรับได้จากสินค้า
ช่วงการทดสอบ (Testing Range): มีช่วงการทดสอบทองรูปพรรณหรือทองคำแท่งครอบคลุมเปอร์เซ็นต์ทองตั้งแต่ 9K – 24K มีความคลาดเคลื่อนน้อย และสามารถตรวจสอบโลหะมีค่าชนิดอื่น ๆ ได้
ความสะดวกในการบำรุงรักษา (Maintenance): เลือกใช้เครื่องที่มีการบำรุงรักษาง่าย และมีการบริการที่สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำได้ดี
บริการหลังการขาย (After Sale Service): ผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายที่มีการบริการหลังการขายที่ดี มีการรับประกันสินค้า สามารถให้ความช่วยเหลือได้รวดเร็ว
ทดสอบการใช้งาน (Testing Usage): ควรทดสอบการใช้งานเครื่องทดสอบทองก่อนตัดสินใจ ตรวจสอบว่าเครื่องสามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและตรงตามความต้องการของลูกค้าหรือไม่